วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

MUSIC กะทันหัน

MUSIC

"กะทันหัน"



หมายเหตุ : เนื้อเพลงเพราะฟังแล้วสบายหู เสียงร้องของผู้หญิงหวาน 








iPhone 5S เทียบรุ่นอื่น...ดีกว่าจริงป่ะ?

iPhone 5S เทียบรุ่นอื่น...ดีกว่าจริงป่ะ?



       [เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] สมาร์ทโฟน Flagship 2013 ของ Apple ปรากฎโฉมออกมาให้เห็นอย่างเป็นทางการแล้วในนาม "iPhone 5S" ที่กล่าวได้ว่าเป็นรุ่นอัพเกรดมาจาก iPhone 5 ดีไซน์ที่คงเดิมแต่เพิ่มประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้มองลองดูกันเล่นๆดีกว่าว่า iPhone 5S จะดีจริงกว่าสมาร์ทโฟน Flagship แบรนด์อื่นๆ ซักแค่ไหนกันเชียว



             เห็นการเปรียบเทียบแบบย่อมๆ ไปแล้วน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ซึ่งขอบอกว่าถึงตอนนี้แล้วอย่าได้ลังเล ถือเงินอยู่ในมือแล้วเลือกเลยว่าจะซื้อรุ่นใด หากเดินตามรสนิยมล่ะก็ iPhone 5S นับเป็นตัวเลือกแรกๆอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นที่นำมาเปรียบเทียบล้วนเป็น Flagship ที่มีความโดดเด่นในแง่ของฟังกชันและฟีเจอร์แตกต่างกันออกไป สุดท้ายแล้วใครที่ไม่คิดอะไรมากเลือกตามใจชอบแล้วกันคะ



วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รหัสแทนข้อมูล

รหัส ASCII (American Standard Code For Information Interchange)


     ASCII อ่านว่า แอส-กี้ เป็นรหัสที่พัฒนาขึ้นโดยสถาบันมาตรฐานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (American National Standard Institute: ANSI อ่านว่า แอน-ซาย) เรียกว่า ASCII Code ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป รหัสนี้ได้มาจากรหัสขององค์กรมาตรฐานระหว่างประเทศ ขนาด 7 บิท ซึ่งสามารถสร้างรหัสที่แตกต่างกันได้ถึง 128 รหัส (ตั้งแต่ 000 0000 ถึง 111 1111) โดยกำหนดให้ 32 รหัสแรกเป็น 000 0000 ถึง 001 1111 ทำหน้าที่เป็นสั่งควบคุม เช่น รหัส 000 1010 แทนการเลื่อนบรรทัด (Line Feed)ในเครื่องพิมพ์ เป็นต้น และอีก 96 รหัสถัดไป (32-95) ใช้แทนอักษรและสัญลักษณ์พิเศษอื่นรหัส ASCII ใช้วิธีการกำหนดการแทนรหัสเป็นเลขฐานสิบ ทำให้ง่ายต่อการจำและใช้งาน นอกจากนั้นยังสามารถเขียนมนรูปของเลขฐานสิบหกได้ด้วย 



รหัส Unicode 

     ยูนิโค๊ด คือ รหัสคอมพิวเตอร์ใช้แทนตัวอักขระ สามารถใช้แทน ตัวอักษร,ตัวเลข,สัญลักษณ์ต่างๆ ได้มากกว่ารหัสแบบเก่าอย่าง ASCII ซึ่งเก็บตัวอักษรได้สูงสุดเพียง 256 ตัว(รูปแบบ) โดย Unicdoe รุ่นปัจจุบันสามารถเก็บตัวอักษรได้ถึง 34,168 ตัวจากภาษาทั้งหมดทั่วโลก 24 ภาษา โดยไม่สนใจว่าเป็นแพลตฟอร์มใด ไม่ขึ้นกับโปรแกรมใด หรือภาษาใด unicode ได้ถูกนำไปใช้โดยผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น Apple, HP, IBM, Microsoft, Unix ฯลฯ และเป็นแนวทางอย่างเป็นทางการในการทำ ISO /IEC 10646 ดังนั้น Unicode จึงถือเป็นมาตรฐานในการกำหนดรหัส สำหรับทุกตัวอักษร ทุกอักขระ  unicode ทำให้ข้อมูลสามารถเคลื่อนย้ายไปมาในหลายๆ ระบบ ข้ามแพลตฟอร์มไปมา หรือข้ามโปรแกรมได้อย่างสะดวก โดยไร้ข้อจำกัด


ตอบคำถาม   ชื่อ - สกุล ของน.ศ. ในภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่แทนด้วยรหัส Ascll ใดบ้าง และใช้พื้นที่จัดเก็บกี่ไบต์

APITCHAYA NILPRUEK

A =  0100 0001
P = 0101 0000
I = 0100 1001
T = 0101 0100
C = 0100 0011
H = 0100 1000
A = 0100 0001
Y = 0101 1001
A = 0100 0001

Splash = 0010 0000

N = 0100 1110
I = 0100 1001
L = 0100 1100
P = 0101 0000
R = 0101 0010
U = 0101 0101
E = 0100 0101
K = 0100 1011

APITCHAYA NILPRUEK มีทั้งหมด 18 Byte
หาค่าโดย 1 ตัวอักษร เท่ากับ 1 Byte
1 Byte เท่ากับ 8 Bit
18 คูณ 8 เท่ากับ 144 Bit

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แบบทดสอบ เรื่อง การทำงานภายในระบบคอมพิวเตอร์

แบบทดสอบ เรื่อง การทำงานภายในระบบคอมพิวเตอร์
คลิกที่นี่

บิตตรวจสอบ Parity Bit

Parity Bit บิตตรวจสอบ

     บิตตรวจสอบ  Parity Bit  หมายถึง บิตที่เพิ่มเข้าไปในข้อมูล โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องนำไปต่อท้ายหรือขึ้นต้น เพื่อทำให้แน่ใจว่าบิตที่เป็นค่า 1 ในข้อมูลมีจำนวนเป็นเลขคู่หรือเลขคี่ การใช้แพริตีบิตเป็นวิธีที่ง่ายอย่างหนึ่งในตรวจสอบและแก้ไขความผิดพลาดของข้อมูลที่จะถูกจัดเก็บลงในคอมพิวเตอร์

      ลักษณะการทำงาน

     แพริตีบิตมีสองชนิดคือ แพริตีบิตคู่ (even parity bit) กับ แพริตีบิตคี่ (odd parity bit) ตามข้อมูลในเลขฐานสอง
  1. แพริตีบิตคู่ จะมีค่าเป็น 1 เมื่อจำนวนของเลข 1 ในข้อมูลเป็นจำนวนคี่ (ซึ่งจะทำให้จำนวนเลข 1 ทั้งหมดเป็นจำนวนคู่ เมื่อรวมกับบิตนี้)
  2. แพริตีบิตคี่ จะมีค่าเป็น 1 เมื่อจำนวนของเลข 1 ในข้อมูลเป็นจำนวนคู่ (ซึ่งจะทำให้จำนวนเลข 1 ทั้งหมดเป็นจำนวนคี่ เมื่อรวมกับบิตนี้)
   
ข้อมูล 7 บิต
(จำนวนของ 1)
ข้อมูล 8 บิต รวมแพริตีบิต
แพริตีบิตคู่แพริตีบิตคี่
0000000 (0)0000000010000000
1010001 (3)1101000101010001
1101001 (4)0110100111101001
1111111 (7)1111111101111111

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ประวัติคอมพิวเตอร์ 5 ยุค

                             ประวัติคอมพิวเตอร์ 5 ยุค



ยุคที่ 1 คอมพิวเตอร์ยุค หลอดสูญญากาศ (ค.ศ. 1945-1958)

ความคิดฝันของชาลส์ แบบเบจ กลายเป็นความจริงในเวลา 70 ปี หลังจากที่เขาสิ้นชีวิตลง เมื่อนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยฮาร์ดวาร์ด ชื่อ โฮเวิร์ด ไอเกน เริ่มสร้างเครื่องคำนวณชื่อ มาร์ค-วัน (Mark I) ในปี ค.ศ. 1941 ซึ่งใช้กลุ่มของรีเลย์เครื่องกลไฟฟ้า ทำหน้าที่เป็นสวิตซ์เปิดและปิด เครื่องมาร์ค-วัน มีขนาดกว้าง 2.4 เมตร ยาว 15.2 เมตร สามารถบวกและลบ 3 ครั้งหรือคูณ 1 ครั้ง เสร็จใน 1 วินาที และใช้เวลาเพียง 1 วันสำหรับแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ที่คนหนึ่งคนสามารถทำได้ด้วยเครื่องบวกเลขในเวลาถึง 6 เดือน แต่ในเวลาไม่นานมาร์ค-วัน ก็ถูกแซงขึ้นหน้าโดยเครื่องเอ็นนีแอค (ENIAC) ซึ่งใช้หลอดสูญญากาศแทนสวิตซ์ เจ.พี.เอ็คเคริด และจอนห์น มอชลี แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียได้เปิดเผยโฉมหน้าของอิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ค.ศ. 1946 เครื่งนี้สามารถคำนวณได้เร็วกว่าเครื่องจักรทุกรุ่นที่สร้างขึ้นก่อนหน้านั้นถึง 1,000 เท่า โดยการบวกและลบ 5,000 ครั้ง คูณ 350 ครั้ง หรือหาร 50 ครั้งต่อหนึ่งวินาที แต่ขนาดของเครื่องก็ใหญ่ประมาณสองเท่าของเครื่องมาร์ค-วัน ปรรจุเต็มตู้ 40 ตู้ ด้วยชิ้นส่วนถึง 100,000 ชิ้น ซึ่งรวมถึงหลอดสูญญากาศประมาณ 17,000 หลอด มีน้ำหนัก 27 ตัน ขนาดกว่าง 5.5 เมตร ยาว 24.4 เมตร




ยุคที่ 2 คอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์ (ค.ศ.1957-1964)

นักวิทยาศาสตร์ของห้องปฏิบัติการเบลแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์สำเร็จ ซึ่งมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการสร้างคอมพิวเตอร์ เพราะทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กใช้กระแสไฟฟ้าน้อย มีความคงทนและเชื่อถือได้สูง และราคาถูก คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ จะมีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองในรูปของสื่อบันทึกแม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนาดีขึ้น โดยสามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงซึ่งเป็นภาษาที่เขียนเป็นประโยคที่คนสามารถเข้าใจได้ เช่น ภาษาฟอร์แทน ภาษาโคบอล เป็นต้น ภาษาระดับสูงนี้ได้มีการพัฒนาและใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีการผลิตคอมพิวเตอร์เรียกว่า เมนเฟรมคอมพิวเตอร์

สำหรับประเทศไทยมีการนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในยุคนี้ ค.ศ. 1964 โดยจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยนำเข้ามาใช้ในการศึกษา ในระยะเวลาเดียวกันสำนักงานสถิติแห่งชาติก็นำมาเพื่อใช้ในการคำนวณสำมะโนประชากร นับเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่ใช้ในประเทศไทย





ยุคที่ 3 คอมพิวเตอร์ยุควงจรรวม (ค.ศ.1965-1969)

ประมาณปี ค.ศ. 1965 ได้มีการพัฒนาสร้างทรานซิสเตอร์จำนวนมากลงบนแผ่นซิลิกอนขนาดเล็ก และเกิดวงจรรวมบนแผ่นซิลิกอนที่เรียกว่า ไอซี การใช้ไอซีเป็นส่วนประกอบทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง ราคาถูกลง จึงมีบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์กันมากขึ้น คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กลง เรียกว่า "มินิคอมพิวเตอร์"

ดังนั้นคอมพิวเตอรใน์ยุคที่สาม เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) โดยวงจรรวมแต่ละตัวจะมีทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายในมากมาย
ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์จะออกแบบซับซ้อนมากขึ้น และสามารถสร้างเป็นโปรแกรมย่อย ๆ ในการกำหนดชุดคำสั่งต่าง ๆ ทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีระบบควบคุมที่มีความสามารถสูงทั้งในรูประบบแบ่งเวลาการทำงานให้กับงานหลาย ๆ อย่าง



ยุคที่ 4 คอมพิวเตอร์ยุควีแอลเอสไอ (ค.ศ.1970-1989)

เทคโนโลยีทางด้านการผลิตวงจรอิเล็กทรอนิคส์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างวงจรรวมที่มีขนาดใหญ่มารวมในแผ่นซิลิกอน เรียกว่า วีแอลเอสไอ (Very Large Scale Intergrated circuit : VLSI) เป็นวงจรรวมที่รวมเอาทรานซิสเตอร์จำนวนล้านตัวมารวมอยู่ในแผ่นซิลิกอนขนาดเล็ก และผลิตเป็นหน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน เรียกว่า ไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor)

การใช้ VLSI เป็นวงจรภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์สูงขึ้น เรียกว่า ไมโครคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องที่แพร่หลายและมีผู้ใช้งานกันทั่วโลก

การที่คอมพิวเตอร์มีขีดความสามารถสูง เพราะ VLSI เพียงชิพเดียวสามารถสร้างเป็นหน่วยประมวลผลของเครื่องทั้งระบบหรือเป็นหน่วยความจำที่มีความจุสูงหรือเป็นอุปกรณ์ควบคุมการทำงานต่าง ๆ ขณะเดียวกันพัฒนาของฮาร์ดดิสก์ก็มีขนาดเล็กลงแต่ราคาถูกลง เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์จึงมีขนาดเล็กลงปาล์มทอป (palm top) โน็ตบุ๊ค (Notebook)

ยุคที่ 5 คอมพิวเตอร์ยุคเครือข่าย (ค.ศ.1990-ปัจจุบัน)

เมื่อไมโครคอมพิวเตอร์มีขีดความสามารถสูงขึ้น ทำงานได้เร็ว การแสดงผล การจัดการข้อมูล สามารถประมวลได้ครั้งละมาก ๆ จึงทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานหลายงานพร้อมกัน (multitasking) ขณะเดียวกันก็มีการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์การโดยใช้เครือข่ายท้องถิ่นที่เรียกว่า Local Area Network : LAN เมื่อเชื่อมหลายๆ กลุ่มขององค์การเข้าด้วยกันเกิดเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์การ เรียกว่า อินทราเน็ต และหากนำเครือข่ายขององค์การเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายสากลที่ต่อเชื่อมกันทั่วโลก เรียกว่า อินเตอร์เน็ต (internet)

คอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันจึงเป็นคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกัน ทำงานร่วมกัน ส่งเอกสารข้อความระหว่างกัน สามารถประมวลผลรูปภาพ เสียง และวิดีทัศน์ ไมโครคอมพิวเตอร์ในยุคนี้จึงทำงานกับสื่อหลายชนิดที่เรียกว่าสื่อประสม (Multimedia) และคอมพิวเตอรในยุคที่ห้า นี้เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหาให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการเก็บความรอบรู้ต่าง ๆ เข้าไว้ในเครื่อง สามารถเรียกค้นและดึงความรู้ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เป็นประโยชน์ คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นผลจากวิชาการด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรปกำลังสนใจค้นคว้าและพัฒนาทางด้านนี้กันอย่างจริงจัง 




ใบงานที่ 1


ประวัติคอมพิวเตอร์

ในปี ค.ศ. 1791 : ชาร์ล แบบเบจ (Charles Babbage) ศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ได้ประดิษฐ์เครื่องคำนวณ เรียกว่า เครื่องหาผลต่าง (Difference Engine) เพื่อใช้ในการคำนวณและพิมพ์ค่าของตรีโกณมิติ และค่าลอกการิทึมต่างๆ 

 ในปี พ.ศ.2365 : ชาร์ล แบบเบจ ได้ออกแบบเครื่องคำนวณ ที่เรียกว่า เครื่องวิเคราะห์(Analytical engine) เป็นเครื่องคำนวณ ที่ช่วยเพิ่มแนวความคิดของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เพราะเครื่องวิเคราะห์นี้ มีส่วนที่ใช้เก็บข้อมูล ส่วนคำนวณและส่วนควบคุมการทำงานสามารถบวกเลขได้ในเวลา 1 วินาที เก็บข้อมูลได้โดยใช้บัตรเจาะรู และสามารถเก็บได้ถึง 50,000 ตัวเลข ดังนั้น ชาร์ล แบบเบจ จีงเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ให้ความคิดริเริ่ม ในการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน และถือว่า ชาร์ล แบบเบจ เป็นบิดาแห่งคอมพิวเตอร์




ในปี ค.ศ. 1815  เอดา ออคุสตา (Ada Augusta) นักคณิตศาสตร์ ได้นำหลักการของ ชาร์ล แบบเบจ มาใช้ ซึ่งนำเครื่อง Analytical Engine ไปแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ในเวลาต่อมา เอดา จึงได้รับการยกย่องให้เป็น โปรแกรมเมอร์ คนแรกของโลก






ประวัติคอมพิวเตอร์ปี พ.ศ. 2439 Herman Hollerith ได้คิดบัตรเจาะรูมาใช้ในการบันทึกข้อมูลลงในบัตร โดยเลียนแบบจากบัตรของแจ็กการ์ด (Jacquard) ซึ่งเคยใช้วิธีการนี้ควบคุมการให้ลายและพิมพ์สีลงบนผ้า ฮอลเลอริทได้สร้างรหัสสำหรับบัตรเจาะรูขึ้น แล้วจึงนำข้อมูลถ่ายลงบนบัตรเพื่อนำไปให้เครื่องคอมพิวเตอร์อ่าน เครื่องมือประดิษฐ์ของฮอลเลอริทนี้ได้นำมาใช้ในงาประมวลผลและรายงานผลสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาในปีค.ศ. 1890 ซึ่งทำให้ทราบผลลัพธ์เร็วขึ้นมาก

ประวัติคอมพิวเตอร์
บัตรเจาะรู




ในปี พ.ศ.2489 Alan Turing คิดโครงการ เครื่องคำนวณ (computation machine) ที่สามารถเปลี่ยนได้ ตามใจชอบ จาก numerical work เป็น algebra เป็น code breaking เป็น file handling หรือแม้กระทั่งเกมส์ ปี พ.ศ.2517 ทัวริง เสนอว่าต้องมีระบบจัดเก็บข้อมูล และชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ ต้องขยายตัว เป็นชุดคำสั่งย่อยๆ โดยใช้รูปย่อแบบ รหัสย่อ (ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ของภาษาโปรแกรม) แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน เขาจึงพักงาน ด้านคณิตศาสตร์ ไม่ทำงานด้านเทคโนโลยี แต่เปลี่ยนไปสนใจเรื่อง”neurology” กับ “physiology sciences” และออกบทความเรื่อง "เครือข่ายประสาท"

โดยผลงานเด่นๆ ของเขา เช่น การคิดโมเดล ที่สามารถทำงานได้ เทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้คำสั่งพื้นฐานง่ายๆ เพียง เดินหน้า ถอยหลัง เขียนและลบ รวมทั้งรูปแบบ ที่เป็นทางการคณิตศาสตร์ ของการระบุอัลกอริทึมและการคำนวณ ด้วยเครื่องจักรทัวริง




ตั้งแต่ 1941-1946 Konrad Zuse (ในเวลาเดียวกันเขาพัฒนาคอมพิวเตอร์ Z4 ของเขา) Konrad Zuse พัฒนาแนวความคิดเป็นวิธีการที่เครื่องของเขาอาจจะโปรแกรมในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากภาษาPlankalkulได้อธิบายในตอนต้นของการวางแผน Zuse ปริญญาเอก วิทยานิพนธ์ในปี 1943 ต่อมาพัฒนาในปี 1945 ของเขา (ยังไม่ได้เผยแพร่มันก็ยังคงสงคราม) งาน "Plankalkul. Theorie เดล angewandten Logistik." และในที่สุดก็ถึงประชาชนในปี 1948 บทความนี้ (แต่ก็ยังไม่สนใจข้อเสนอแนะมากและเป็นเวลานาน เวลาที่จะมาเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เท่านั้นจะคิดว่าเป็นเรื่องการเขียนโปรแกรมด้วยรหัสเครื่อง) Plankalkul ถูกตีพิมพ์ในที่สุดก็มากขึ้นครอบคลุมใน 1,972 กระดาษในขณะที่คอมไพเลอร์เป็นครั้งแรกสำหรับมันถูกนำมาใช้เป็นปลายในปี 1998




ประวัติคอมพิวเตอร์ในปี พ.ศ. 2480 Howard Aiken สร้างเครื่องกล automatic calculating machine ขึ้น จุดประสงค์ของเครื่องกลชิ้นนี้ก็คือ เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยีทั้งทาง electrical และ mechanical เข้ากับบัตรเจาะรูของ Hollerith และด้วยความช่วยเหลือของนักศึกษาปริญญาและวิศวกรรมของ IBM ทีมงานของ Howard ก็ประดิษฐ automatic calculating machine สำเร็จในปี พ.ศ. 2487 โดยใช้ชื่อว่า MARK I โดยการทำงานภายในตัวเครื่องจะถูกควบคุมอย่างอัตโนมัติด้วย electromagnetic relays และ arthmetic counters ซึ่งเป็น mechanical ดังนั้น MARK I จึงนับเป็น electromechanical computers



และต่อมา Dr. John Vincent Atanasoff และ Clifford Berry ได้ประดิษฐเครื่อง ABC (Atanasoff-Berry Computer) โดยใช้ หลอดสูญญากาศ (vacuum tubes)


ประวัติคอมพิวเตอร์
เครื่อง ABC
                        
                                      
ประวัติคอมพิวเตอร์
ENIAC
ปี พ.ศ. 2483 Dr.John W. Mauchy และ J. Presper Eckert Jr. ได้ร่วมกันพัฒนา electronic computer โดยอาศัยหลักการออกแบบบนพื้นฐานของ Dr. Atanasoff electronic computer เครื่องแรกมีชื่อว่าENIAC แม้จะเป็นelectronic computer แต่ENIACก็ยังไม่สามารถเก็บโปรแกรมได้(stored program) จึงได้มีการพัฒนาเป็นเครื่อง EDVAC ซึ่งอาศัยหลักการ stored program สมบูรณ์และได้มีการพัฒนาเป็นเครื่อง EDSAC และท้ายสุดก็ได้พัฒนาเป็นเครื่องUNIVAC(Universal Automatic Computer) ในเวลาต่อมา


พ.ศ. 2492 Dr. John Von Neumann ได้พบวิธีการเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำของเครื่องได้สำเร็จ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถุฏพัฒนาขึ้นตามแนวคิดนี้ได้แก่ EDVAC (Electronic Discrete Variable Automatic Computer) และนำมาใช้งานจริงในปี 2494 และในเวลาเดียวกันมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ก็ได้มีการสร้างคอมพิวเตอร์ในลักษณะคล้ายกับเครื่อง EDVAC นี้ และให้ชื่อว่า EDSAC (Electronic Delay Strorage Automatic Calculator) มีลักษณะการทำงานเหมือนกับ EDVAC คือเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำ แต่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไปคือ ใช้เทปแม่เหล็กในการบันทึกข้อมูลต่อมา ศาสตราจารย์แอคเคิทและมอชลี ได้ร่วมมือกันสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์อีก ชื่อว่า UNIVAC I (Universal Automatic Calculator) ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อขายหรือเช่า เป็นเครื่องแรกที่ออกสู่ตลาดซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์ขยายตัวออกไปในภาคเอกชน และเริ่มมีการซื้อขายคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานกันอย่างแพร่หลาย 



ในปี 1954  Dr.Ted Hoff เขาเป็นหนึ่งในค้นหาเวสติวิทยาศาสตร์ Talent (ตอนนี้เอสที Intel ) เข้ารอบเขาได้รับรางวัลเหรียญ Ballantine จวร์ตในปี 1979 รางวัล IEEE Cledo Brunettiในปี 1980 และรับรองแฟรงคลินสถาบันแห่งบุญในปี 1996 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เข้าสู่หอเกียรติยศนักประดิษฐ์ในปี 1996 และได้รับเหรียญแห่งชาติของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในปี 2009 จากประธานาธิบดีบารัคโอบามา . เขาเป็นเพื่อนของคอมพิวเตอร์ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ในปี 2009 [เขาได้รับ 2011 IEEE / RSE วูลฟ์เสมียนรางวัลเจมส์แมกซ์เวล . 




ในปี 1971 เมื่อเพื่อนร่วมงานของพวกเขาบิลนันแนะนำ 21 ปี Wozniak ไปงาน 16 ปี ในปี 1976 Wozniak โดดเดี่ยวเดียวดายคิดค้นApple Iคอมพิวเตอร์ Wozniak แสดงให้เห็นว่ามันจะงานที่ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาขายมัน งาน Wozniak และโรนัลด์เวย์ก่อตั้งขึ้นคอมพิวเตอร์แอปเปิ้ลในโรงรถของพ่อแม่งานใหญ่ในการสั่งซื้อที่จะขายมัน พวกเขาได้รับเงินทุนจากนั้นกึ่งเกษียณ Intelผู้จัดการผลิตภัณฑ์การตลาดและวิศวกร Mike Markkula . 
ในปี 1978, แอปเปิ้ลได้รับคัดเลือกไมค์สกอตต์จาก National Semiconductor เพื่อทำหน้าที่เป็นซีอีโอสำหรับสิ่งที่เปิดออกมาเป็นหลายปีที่ผ่านมาป่วน ในปี 1983 งานล่อ จอห์น Sculley ห่างจากเป๊ปซี่โคล่า เพื่อทำหน้าที่เป็นซีอีโอแอปเปิ้ลถามว่า "คุณต้องการที่จะขายน้ำน้ำตาลสำหรับส่วนที่เหลือของชีวิตของคุณหรือไม่หรือคุณต้องการที่จะมากับฉันและเปลี่ยนโลกได้หรือไม่ " 
ในช่วงต้น 1980S งานเป็นหนึ่งในคนแรกที่ได้เห็นศักยภาพในเชิงพาณิชย์ของXerox PARC ของ เมาส์ที่ขับเคลื่อนด้วยอินเตอร์เฟซผู้ใช้แบบกราฟิซึ่งนำไปสู่การสร้างแอปเปิ้ลลิซ่า . หนึ่งปีต่อมาแอปเปิ้ลของพนักงานJef Raskinคิดค้นแมคอินทอช .
ปีต่อไปนี้แอปเปิ้ลออกอากาศซุปเปอร์โบวล์โฆษณาทางโทรทัศน์เรื่อง " 1984 " ในการประชุมผู้ถือหุ้นของ Apple ประจำปีเกี่ยวกับ 24 มกราคม 1984, งานอารมณ์แนะนำแมคอินทอชให้ผู้ชมมีความกระตือรือร้นอย่างรุนแรง แอนดี้ Hertzfeld บรรยายฉากเป็น "นรก" 



ในปี ค.ศ. 1987 บิลเกตส์ถูกระบุว่าเป็นมหาเศรษฐีในหน้าของ Forbes '400 คนที่รวยที่สุดในฉบับอเมริกาเพียงไม่กี่วันก่อนวันเกิด 32 ของเขา ในฐานะที่เป็นมหาเศรษฐีที่สร้างตัวเองของโลกที่อายุน้อยที่สุดเขาเป็นมูลค่า   $ 1250000000 มากกว่า $ 900,000,000 มากกว่าที่เขาต้องการได้รับมูลค่าปีก่อนเมื่อเขาต้องการออกมาในรายการ
เวลานิตยสารชื่อเกตส์หนึ่งใน 100 คนที่ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลศตวรรษที่ 20เช่นเดียวกับหนึ่งใน 100 คนมีอิทธิพลมากที่สุดของปี 2004, 2005 และ 2006 . เวลาเกตส์ยังรวมชื่อภรรยาเมลินดาของเขาและนักร้องนำของ U2 โบโน่เป็น 2,005 คนปีสำหรับความพยายามด้านมนุษยธรรมของพวกเขา  ในปี 2006 เขาได้รับแปดในรายการของ "วีรบุรุษของเวลาของเรา"  เกตส์ได้เข้าจดทะเบียนในซันเดย์ไทมรายการอำนาจในปี 1999 ชื่อซีอีโอของ ปีโดยนิตยสารหัวหน้าผู้บริหารผู้นำในปี 1994, อันดับหนึ่งใน "50 ยอดไซเบอร์" Elite ตามเวลาในปี 1998 อันดับสองใน Upside ยอด 100 ในปี 1999 และถูกรวมอยู่ในการ์เดียนเป็นหนึ่งใน "ยอด 100 คนที่มีอิทธิพล ในสื่อ "ในปี 2001 
ในปี 1994 เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นยี่สิบเพื่อนดีเด่นจากสมาคมคอมพิวเตอร์อังกฤษ. เกตส์ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากNyenrode ธุรกิจ Universiteit , Breukelenเนเธอร์แลนด์ในปี 2000 ราชบัณฑิตยสถานแห่งเทคโนโลยี , สตอกโฮล์ม, สวีเดนในปี 2002 มหาวิทยาลัยวาเซดะ , โตเกียว, ญี่ปุ่น, ในปี 2005 Tsinghua University , ปักกิ่ง, จีนในเดือนเมษายน 2007 มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดในเดือนมิถุนายน 2007  Karolinska Institutet , สตอกโฮล์ม, ในเดือน